หลังจากวานนี้วันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงข่าวคดี ชายพิการที่ถูกกลุ่มวัยรุ่น 6 คนรุมทำร้าย “เจตนาฆ่า ไม่เข้าข่ายไตร่ตรอง” ซึ่งเป็นไปตามที่ทางนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความคดี วัยรุ่นฆ่าชายพิการ ได้เคยกล่าวดักคอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเราคงไปก้าวล่วงอำนาจของทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ แต่ในฐานะประชาชนในสังคมคงหวาดระแวงว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้หากได้รับการลงโทษให้สูงที่สุดแล้ว อีกไม่นานก็จะได้รับการอภัยโทษ และออกมาเดินลอยนวล กลายเป็น

ซึ่งจากการแถลงของทางสำนักงานอัยการนั้น มีความเห็นสั่งฟ้อง วัยรุ่นทั้ง 7 คนที่มีส่วยร่วมทำร้ายชายพิการจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ในฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา งดแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ชี้เป็นการกระทำโดยปัจจุบันทันด่วน ไม่มีการคิดไตร่ตรอง

ตามข่าว เรือโทสมนึก เสียงก้อง ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ให้สัมภาษณ์ว่า สำนักงานคดีอาญา โดยอธิบดีอัยการ มีคำสั่งฟ้อง นายพีรพล ยศพงศ์อนันต์ กับพวกรวม 7 คน ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร กรณีร่วมกันทำร้ายร่างกาย นายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการจนเสียชีวิต ส่วนข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามที่มารดาของผู้เสียชีวิตร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ให้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนั้น คณะทำงานอัยการพิจารณาพยานหลักฐาน และหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแล้วเห็นว่า ยังไม่เป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะเป็นการกระทำไปโดยปัจจุบันทันด่วน ไม่มีการคิดไตร่ตรองทบทวนแล้วไปกระทำความผิด จึงสั่งงดแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ซึ่งจากประเด็นดังกล่าวเป็นไปตามที่ทาง นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความคดี วัยรุ่นฆ่าชายพิการ ได้เคยกล่าวดักคอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเราคงไปก้าวล่วงอำนาจของทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ แต่ในฐานะประชาชนในสังคมคงหวาดระแวงว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้หากได้รับการลงโทษให้สูงที่สุดแล้ว อีกไม่นานก็จะได้รับการอภัยโทษ และปล่อยตัว ออกมาเดินลอยนวล กลายเป็นภัยสังคม และเป็นที่หวาดกลัวของผู้คน ซึ่งประเด็นนี้คงต้องตัวใครตัวมัน

ความคิดเห็นจากสมาชิกเฟซบุ๊ก

comments