จากกรณีก่อนหน้านี้ที่ น้องก้อย อายุ 17 ปี พร้อมครอบครัว ถูกอดีตนายจ้างแจ้งจับข้อหาขโมยทรัพย์สิน มูลค่ารวม 10 ล้านกว่าบาท จนทำให้เป็นข่าวใหญ่โต ซึ่งก็มี ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ ล่าสุด ทนายสงกานต์ ได้พาเหยื่ออีกรายที่ถูกอดีตนายจ้างคนเดียวกันแจ้งจับข้อหาขโมยทรัพย์สินหลายรายการ มูลค่ารวม 3.26 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2559 เวลา 11.30 น.  นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พร้อมกับ น.ส.วณิชยา หรือมีน บุ้นสุนเฮง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ 9 ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เดินทางไป ที่กองปราบปราม และได้เข้าพบ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม และแจ้งความดำเนินคดีกับนางไก่ หรือ คุณหญิงปลอมๆ ในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง

น.ส.วณิชยา กล่าวว่า เมื่อปี 2558 นางสุกัญญา ศิริม่วง อายุ 54 ปี มารดาของตนได้ถูกนางไก่ (นามสมมติ) อดีตนายจ้างแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ประชาชื่น ในข้อหาลักทรัพย์เป็นเงินสดและทรัพย์สินมีค่าหลายรายการรวมมูลค่า 3.26 ล้านบาท ขณะทำงานเป็นแม่บ้านของนางไก่ จากนั้นมารดาได้ถูกจำคุกขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมาตั้งแต่บัดนั้น ส่วนสาเหตุเกิดจากการที่นางไก่ได้ชักชวนมารดาให้ไปทำงานยังต่างประเทศ แต่มารดาไม่ยินยอมเดินทางไปและขอลาออกงาน หลังจากนั้นก็ถูกปรักปรำว่าลักทรัพย์ เป็นเงินสดและทรัพย์สินมีค่าต่างๆ เช่น แหวนเพชร นาฬิกาข้อมือ ฯลฯ ก่อนจะหลบหนี ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

น.ส.วณิชยา กล่าวต่อว่า มารดายืนยันว่าได้นำมาเพียงถุงใส่เหรียญ และได้คืนให้นางไก่ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากถูกดำเนินคดีในชั้นศาล มารดาตนได้ถูกบังคับให้เขียนคำรับสารภาพ อ้างว่าเพื่อเป็นการรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีของนางไก่ที่มักอ้างตัวว่าเป็นคุณหญิง แล้วจะไม่ติดใจเอาความกับมารดาตน เมื่อมารดาเซ็นยินยอมรับสารภาพคดีจึงถูกส่งไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์มาประกันตัวออกไป นับตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2558 ถึงขณะนี้ ตนก็พยายามติดต่อนางไก่หลายครั้งเพื่อขอให้ช่วยเหลือมารดาตน ตามที่ได้รับปากว่าหากยอมรับสารภาพจะไม่เอาความ แต่ก็ถูกปฏิเสธ จึงต้องเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.ในครั้งนี้

ด้านนายสงกานต์ กล่าวว่า นอกจากทาง น.ส.วณิชยา จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.ในกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว ตนได้ประสานข้อมูลกับทางตำรวจ สน.ประชาชื่น เพื่อตรวจสอบข้อมูลกรณีการแจ้งความดำเนินคดีของนางไก่ เนื่องจากพบว่ามีการกระทำลักษณะดังกล่าวกับเหยื่ออีกอย่างน้อย 4 ราย ขณะนี้ก็ทราบแล้วว่าเป็นใครบ้าง โดยจะมีการติดต่อเพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ บก.ป.ต่อไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมารดา น.ส.วณิชยานั้นก็จะได้เข้าร้องทุกข์ต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อดูแลและให้มีการพิจารณาเยียวยาแก่ผู้ต้องขังรายนี้ด้วย ขณะเดียวกัน ในส่วนของ น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า อายุ 19 ปี นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครพนม ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วนั้น ในวันเดียวกันนี้ ตนก็ได้พา น.ส.ประภาวรรณเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนและระบุตัวผู้กระทำความผิดด้วย

ด้าน พ.ต.อ.ชาคริตกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องและมอบหมายให้ พ.ต.ต.ธนวัฒน์ หลีพงษ์ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.สอบปากคำผู้ร้องไว้แล้ว ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก็จะเร่งรัดดำเนินการให้เร็วที่สุด คาดว่าน่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์นี้ เนื่องจากทาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ก็ได้กำชับและเน้นย้ำให้ทาง บก.ป.เร่งให้ความเป็นธรรมกัแก่ทุกฝ่ายจากกรณีที่เกิดขึ้น และไม่ว่าจะมีอีกกี่รายเราก็พร้อมจะดำเนินการให้ทั้งหมด อย่างไรก็ดี สำหรับข้อมูลซึ่งอยู่ระหว่างประสานงานกับทางตำรวจ สน.ประชาชื่นนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ แต่ยืนยันว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจ

ทนายสงกานต์ กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเพิ่มเติมในคดีของ น.ส.ประภาวรรณ และสอบปากคำกรณีของ น.ส.วริชยา ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์แทนมารดา คือ นางสุกัญญา ที่ถูกนางไก่ กล่าวหาว่าลักทรัพย์และถูกบังคับให้รับสารภาพในคดีดังกล่าว โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานไม่นาน พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาออกหมายเรียกนางไก่ มารับทราบข้อหาตามกระบวนการ ส่วนเหยื่อรายอื่นๆ จะเดินทางเข้าแจ้งความที่ บก.ป.ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ รวมทั้งนำพยานบุคคลและเอกสารหลักฐานที่มีการกล่าวอ้างในความผิดต่างๆ ซึ่งจะนำเข้าสำนวนคดีด้วย

ทนายสงกานต์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เท่าที่ได้ตรวจสอบเบื้องต้นกับทาง สน.ประชาชื่น พบว่ามีผู้เสียหาย 5 ราย ที่ถูกกระทำลักษณะนี้ ได้แก่ น.ส.ประภาวรรณ , แม่ของ น.ส.วณิชยา , น้องหนูนา ซึ่งเป็นเด็กชาวเขา ศาลพิพากษาจำคุกแล้ว ส่วนอีก 2 ราย เป็นลูกจ้างชาวลาว และผู้เสียหายที่กำลังติดตามตัวอีกราย เพื่อให้ทางพนักงานสอบสวนได้ซักถามข้อมูล ทั้งนี้ หากผู้ใดมีข้อมูลสามารถแจ้งมาที่ตนผ่านทางเฟซบุ๊ก ทนายสงกานต์ ได้ตลอดเวลา เราจะทำหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนให้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนางไก่ ทราบว่ามีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลมาแล้วหลายครั้ง นายสงกานต์ กล่าวว่า เท่าที่ได้ตรวจสอบพบว่านางไก่ มีการเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง รวมทั้งเปลี่ยนนามสกุลด้วย และมักจะมีพฤติการณ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีดังหลายคดี นับตั้งแต่ปี 2547 สมัยท่าน พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ อดีต ผบก.ป.หรือจะเป็นคดีหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งมีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายราย มีตัวละครที่เกี่ยวข้องหลายคดี ทาง บก.ป.จึงต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ประกอบการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง

ทนายสงกานต์ กล่าวอีกว่า จากที่ได้ประเมินสถานการณ์หลังจากได้หารือกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ทราบว่าผู้เสียหายน่าจะไปล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่าง หรือไม่ อย่างไร เกี่ยวกับตัวนางไก่ ในการกระทำบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งการแจ้งความดำเนินคดีลักทรัพย์ จะเป็นการกระทำเพื่อปิดปากเหยื่อหรือไม่ คงต้องรอการสรุปสำนวนคดีของ บก.ป.ส่วนคดีอื่นๆ ตนก็กำลังติดตามข้อมูลมาให้ด้วย นอกจากนี้ทางกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือดูแลผู้เสียหายเพิ่มเติมแล้ว

“คดีนี้มีนายตำรวจที่เกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน จึงต้องนำเรียนถึงท่าน ผบ.ตร.ผ่านทาง ผบช.ก. รรท.ผบก.ป.เนื่องจากลำพังนางไก่ เพียงคนเดียว คงไม่สามารถกระทำความผิดกับทุกกรณีที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เช่น เรื่องการทำสำนวนคดีของเหยื่อ ก็อยากให้ ผบช.ก.ได้รื้อสำนวนมาตรวจสอบทุกคดี มีพนักงานสอบสวนใครบ้างในแต่ละคดี เรียกตัวมาสอบสวนเป็นรายบุคคลก็จะทำให้ทราบรายละเอียด ตรงส่วนนี้สำคัญมาก” ทนายสงกานต์ กล่าวทิ้งท้าย

ขณะที่ น.ส.ประภาวรรณ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ให้ความสนใจนำเสนอข่าวกรณีที่เกิดขึ้นกับตน ทำให้รู้สึกได้รับความเป็นธรรมทางคดีมากขึ้น รวมทั้งตำรวจ บก.ป.ที่เข้ามาช่วยเหลือทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเป็นธรรม ซึ่งครอบครัวตนยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ หากนางไก่ มีหลักฐานอะไรที่ชี้ว่าตนกับบิดา มารดา กระทำผิดก็ขอให้นำออกมาเพื่อจะได้พิสูจน์กัน