กำลังเป็นประเด็นดราม่าบนโลกออนไลน์ เมื่อมี หมอจบใหม่ คนหนึ่งออกมาโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยโพสต์ทำนองว่าคนไข้ที่ป่วยจากการดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ทำไมไม่เก็บเงินส่วนนี้ไว้ซื้อยาเองจะมาของยาฟรีทำไม “เราไม่ได้ปฏิเสธไม่รักษาคนไข้แกร แต่เปลืองก็คือเปลือง มีเงินซื้อบุหรี่เหล้า แต่มาขอรักษาเอายาฟรีงี้ ทำไมไม่เก็บเงินที่ซื้อบุหรี่เหล้าไว้”จึงทำให้มีคนออกมาตำหนิคุณหมอจบใหม่คนนี้มากมายและชาวเน็ตก็ได้ตั้งคำถามถาม หมอจบใหม่ คนนี้ว่า “เรียนหมอก็ต้องใช้ทุนรัฐ รัฐก็เอาเงินมาจากภาษีประชาชน การที่มาโพสต์แบบนี้เหมือนเป็นการดูถูกคนไข้อีกด้วย

ทางด้าน หมอจบใหม่ คนนี้ก็ได้ออกมาตอบคำถามชาวเน็ตที่ว่าใช้เงินภาษีประชาชนเรียน โดยได้ตอบว่าเมื่อจบมาก็ต้องมีสัญญาชดใช้ไปอีก 3 ปี หากไม่ทำงานใช้ก็ต้องคืนเป็นเงินให้รัฐ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ

“ถูกค่ะ สัญญาทาสใช้ทุนไปอีกสามปี ไม่อยู่ก็ต้องจ่ายตังคืนรัฐบาลค่ะ ไม่ได้ได้อะไรมาฟรีๆ และหมอจบใหม่คนนี้ยังได้ออกมาโพสต์อีกว่า เมื่อไหร่จะมีสิทธิ์ไล่คนไข้ที่ไม่ฉุกเฉินที่มารักษาในห้องฉุกเฉินให้กลับบ้านได้และยังได้บอกอีกว่านี้ห้องฉุกเฉินนะไม่ใช่คลินิกเปิด 24 ชั่วโมงนึกได้ว่าอยากมาค่อยมา ‘เมื่อไหร่เราจะมีสิทธิ์ไล่คนไข้ที่ไม่ฉุกเฉินกลับบ้านได้ อ่านภาษาไทยออกปะคะห้องฉุกเฉิน ไม่ใช่คลินิกเปิด 24 ชั่วโมงนึกได้ว่าอยากมาค่อยมา”

จึงทำให้หมอรุ่นพี่อย่างจ่าพิชิต หรือเจ้าของแฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อว่า Drama-addict ก็ได้ออกมาโพสต์เกียวกับเรื่องนี้ว่า ตอนที่จบมาใหม่ๆก็มีความคิดเหมือนกับ หมอจบใหม่ คนนี้เนื่องจากว่าห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง เตือนยังไงก็ไม่เชื่อ แต่พอโตขึ้นก็จะสามารถคิดได้ว่าไอโรคสารพัดนี้เช่น ตับแข็ง ก็มีหลายสาเหตไม่ได้เกิดมาจากการกินเหล้าอย่างเดียวอาจเกิดจากไวรัสตับก็ได้เกิดจากยา หรือสารเคมีก็ได้ ถ้าคนไข้พฤติกรรมไม่ชัดเจน แล้วเราจะเอาอะไรไปตัดสินเขาว่าเขาไม่ควรได้รับสิทธิในการรักษาถ้าเขาทวงถามสิทธิว่าเขาเองก็จ่ายภาษีเหมือนกัน

“มีน้องหมอหรือพยาบาลก็ไม่รู้คนนึง เขาทวีทลงทวิตเตอร์ข้อความด้านขวาในภาพข้างล่าง คนก็เอาประเด็นนี้มาวิจารณ์และด่าน้องเขากันใหญ่ ตอนนี้ดราม่าลุกลามไปหลายเพจละ

ก็เข้าใจประเด็นของทั้งสองฝ่ายนะ

สมัยหนุ่มๆเนี่ย จ่าก็เคยมีความคิดประมาณว่า เอ พวกคนไข้ที่เป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมของตัวเอง เช่น กินเหล้าจนตับแข็ง สูบบุหรี่จนปอดพัง ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง เตือนให้ปรับพฤติกรรมไม่รู้กี่หนก็ไม่เชื่อกันจนโรคร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ และค่าใช้จ่ายก็แพงขึ้นเรื่อยๆเป็นหลักแสนหลักล้านนี้

ทำไมต้องเอาเงินภาษีของประชาชน คืองบประกันสุขภาพถ้วนหน้าไปจ่ายค่ารักษาให้คนพวกนี้ด้วยวะ ในเมื่อเราเตือนเขาแล้ว หาทางรักษาเขาแล้วแต่เขาเลือกทางมรณะสายนี้เอง

แต่พอแก่ตัวขึ้น ก็คิดได้ว่าไอ้พวกโรคสารพัดอย่างเช่น ตับแข็งนี่ สาเหตุมันมากมาย เกิดจากไวรัสตับก็ได้ เกิดจากยา หรือสารเคมีก็ได้ ถ้าคนไข้พฤติกรรมไม่ชัดเจน แล้วเราจะเอาอะไรไปตัดสินเขาว่าเขาเป็นตับแข็งเพราะดื่มเหล้า หรือบางคนมีความเสี่ยงพันธุกรรมเอื้อให้เป็นเบาหวานความดันง่ายกว่าชาวบ้านชาวช่องเขา แล้วก็ป่วยเป็นโรคขึ้นมาทั้งๆที่กินอาหารปรกติเหมือนที่ชาวบ้านชาวช่องเขากินกัน

แล้วเราจะเอาอะไรไปตัดสินเขาว่าเขาไม่ควรได้รับสิทธิในการรักษาถ้าเขาทวงถามสิทธิว่าเขาเองก็จ่ายภาษีเหมือนกัน

ปล.มีคนเคยยกประเด็นว่า คนแดกเหล้าสูบบุหรี่แม่งจ่ายภาษีเข้ารัฐเยอะฉิบหาย แล้วงบส่วนนี้ก็วนมาเป็นงบส่งเสริมสุขภาพต่างๆนานา แล้วทำไมพวกกรูถึงไม่มีสิทธิได้รับการรักษาจากภาษีของตัวเองวะ เออ คิดๆดูแล้วก็ถูกของมันนะ

ก็ que sera sera ละกันคนับ ต่างคนต่างทำตามหน้าที่ของตัวเอง อย่าทำเกินกว่าที่หน้าที่แล้วกระทบสิทธิคนอื่นเป็นพอ”