จากกรณีเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม มีคนร้ายก่อเหตุเจาะตู้เซฟของ ธนาคารกรุงเทพ สาขาชะอำ ถ.ร่วมจิตต์ (ชายหาดชะอำ) จ.เพชรบุรี ซึ่งมีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้าย ได้ 1 คน โดยได้สวมไอโม่ง และหมวกสีแดงเพื่อปิดบังใบหน้า ซึ่งล่าสุดทางเจ้าตำรวจได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าภายในตู้เซฟมีเงินเหลืออยู่ประมาณ 1.3 แสนบาท ส่วนที่คนร้ายได้เป็นจำนวน 11 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าคนร้ายมีทั้งหมด 3 คน ซึ่งได้ลายเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด ใช้หัวแก๊สตัดเจาะตู้

มื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 9 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะอำ ได้ให้ทีมกู้ภัยเขาใหญ่ของเทศบาลเมืองชะอำ นำอุปกรณ์ตัดถ่างมาตัดตู้เซฟเพื่อตรวจสอบว่าภายในตู้เซฟยังมีเงินเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด ซึ่งเมื่อเปิดตู้เซฟได้ ยังพบเงินสดที่ยังเหลืออยู่ในตู้รวม 129,000 บาท

พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี เผยว่าขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลและหลักฐานต่างๆ เพื่อหาตัวคนร้าย โดยคาดว่าคนร้ายเข้าไปเจาะตู้เซฟในธนาคาร น่าจะมีไม่ต่ำกว่าสามคน โดยคนร้ายเข้าทางประตูด้านหลังร้านขายไอศกรีมที่ตั้งอยู่ด้านข้างธนาคาร ขึ้นไปชั้น 3 ข้ามกำแพงกั้นตึกเตี้ยๆ ทำลายกุญแจประตูกั้นดาดฟ้าของตึกธนาคาร ก่อนลงมาได้ทำลายเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด ทำลายสัญญาณเตือนภัย ที่จะมีการลิงค์แจ้งเหตุไปที่ สภ.ชะอำ และใช้แก๊สตัดตัวตู้เซฟ และนำเงินทั้งหมดทั้งสกุลไทย และต่างประเทศรวมกว่า 11 ล้านบาทหลบหนีไป

ต่อมาเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รอง ผช.ภ.7 ได้เดินทางมาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ บริเวณภายใน ธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยชะอำ จ.เพชรบุรี หลังจากนั้นชุดสืบสวนภูธรภาค 7 และภูธร จ.เพชรบุรี ร่วมประชุมที่ห้องประชุมชั้น 3 ของ สภ.ชะอำ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำภาพวงจรปิดทั้งหมดมาวิเคราะห์พฤติกรรมและลักษณะของคนร้าย ประกอบกับข้อมูลในการสอบสวนพยานแวดล้อม คำให้การของเจ้าหน้าที่ธนาคารในการนำเงินฝากส่งเก็บในแต่ละวัน

ท้งนี้ ภาพวงจรปิดที่ได้มาจากร้านค้าใกล้เคียงพบก่อนเกิดเหตุช่วงเวลา 21.00 น. วันที่ 8 พ.ค. มีรถต้องสงสัยเป็นรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ ตอนครึ่ง สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดบริเวณใกล้เคียงที่เกิด ก่อนขับออกไป และกลับเข้ามาจอดในช่วงเวลา 01.00 น.เศษ ของวันที่ 9 พ.ค. จากนั้นเวลาประมาณ 02.00 น. มีสัญญาณเตือนไปที่ สภ.ชะอำ เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร้านค้าที่อยู่ห่างจากธนาคารไปประมาณ 200 เมตร พบว่าในช่วงเวลาประมาณ 02.50 น. มีรถต้องสงสัยคันดังกล่าววิ่งออกจากที่เกิดเหตุในลักษณะปิดไฟ มุ่งหน้าตรงไปยังถนนเจ้าลาย ก่อนเลี้ยวขวาที่ถนนเจ้าลายแล้วหายไป ขณะเดียวกันการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางธนาคาร ขณะเกิดเหตุสามารถจับภาพคนร้าย 1 คน สวมเสื้อสีเข้มใช้หมวกไอ้โม่งและหมวกแก๊ปสีแดงปิดบังใบหน้าไว้