เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม 2559 มีสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์รูปภาพและข้อความว่า ตาของตัวเองถูกเด็กนักเรียนชั้น ม.1 ชกเข้าที่หน้าประมาณ 20 หมัด ทำให้ต้องเข้าผ่าตัดสมองแต่เรื่องกลับเงียบและไม่มีการลงโทษเด็กนักเรียนคนดังกล่าว

“คนในรูปคือตาของเรา มีอาการเลือดคั่งในสมองถึงขั้นต้องผ่าตัด สาเหตุคือ ถูกเด็ก ม.1 (อายุ 15) รร.ดัง ทำร้ายชกต้อยอย่างรุนแรง ซึ่งตาของเราก็เป็น รองผอ.รร.นี้ด้วยซ้ำ!!! ถูกทำร้ายต่อหน้าครู และนักเรียนนับร้อย แต่เรื่องกลับเงียบคืออะไร? ถูกสั่งปิดข่าว เด็กคนนั้นยังลอยหน้าลอยตาไปเรียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ตาของเราไม่ได้แค่แผลถลอก อย่างน้อยผอ.ควรจะทำอะไรกับเด็กไหม แต่นี้ปิดข่าวเพื่อไม่ให้เสียชื่อ รร.!!!”

ล่าสุด น.ส.ปีใหม่ (นามสมมุติ)อายุ 26 ปี หลานสาวอีกคนของ รองผอ.ที่ได้รับบาดเจ็บเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากน้าของตน อายุ 59 ปี ซึ่งเป็น รองผอ.ฝ่ายปกครอง รร.แห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้ลงโทษนักเรียนโหดและกลุ่มเพื่อนด้วยการให้ไปเก็บขยะ เนื่องจากมีนักเรียนในกลุ่มนั้น 1 คน ชกต่อยกับนักเรียนร่วมชั้นเรียน จากนั้นเด็กที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจึงออกมารับผิดชอบ ภายหลังเด็กกลับไม่เก็บขยะตามที่ตกลงกันไว้ น้าของตนจึงใช้ไม้เรียวเฆี่ยนไปที่ขาเด็ก 1 ครั้ง กระทั่งวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ ผอ.นัดผู้ปกครองของเด็กเข้ามาเจรจา และตรงกับวันไหว้ครู นร.โหดที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเกิดความไม่พอใจ ปรี่เข้าชกใบหน้า รองผอ.ฝ่ายปกครอง ประมาณ 20 ครั้ง จนล้มลงเลือดไหลออกจมูก หน้าบวมเป่งจนต้องไปโรงพยาบาล เพราะทนไม่ไหวและมีเลือดออกในกระพุ้งแก้ม

“ผอ.เรียกเด็กมาขอขมา มีพ่อแม่เด็กมาด้วย และไกล่เกลี่ยไม่ให้เอาเรื่องเด็ก แต่หลานๆไม่เห็นด้วย อีกอย่างครูท่านอื่นเห็นตรงกันว่าเด็กทำผิดจริง ขอบพระคุณทุกๆคนที่ช่วยกันแชร์ ทางเราไม่ได้อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต หรือให้ร้ายพาดพิงไปถึงใคร แต่เด็กกลับตอบว่า ‘ขนาดรองผอ._ยังต่อยมาแล้ว’ คิดว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่จะปล่อยผ่านไปได้ อย่างน้อยทุกอย่างก็เพื่อตัวเด็กเอง น้องคนนี้ควรได้รับการแก้ไขในด้านอารมณ์ และจิตใจในตอนนี้ก็ยังไม่สาย ถ้าวันหนึ่งเขาเติบโตมาทั้ง ๆ ที่ยังเป็นคนแบบนี้ก็ไม่รู้จะมีอะไรร้ายแรงกว่านี้หรือเปล่า น้าแกบอว่าเราทำถูกหรือเปล่าที่ไปแจ้งความ แจ้งทำไม เด็กจะเป็นอะไรหรือเปล่า หรือใครมีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้” หลานสาวของรองผอ. กล่าว

น.ส.ปีใหม่ ยังระบุด้วยว่า กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นเวลาเกือบ 1 เดือน น้าของตนสมองไม่รับรู้อะไรแล้ว มีอาการเบลอ และจำคนรอบข้างไม่ได้ จึงรีบพาไปที่โรงพยาบาลและต้องเข้ารับการผ่าตัดเลือดที่คั่งอยู่ใต้เยื้อหุ้มสมองในวันที่ 9 ก.ค. ญาติจึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสุรินทร์ และแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันนี้ (14 ก.ค.) โดยจากคำให้การของครูผู้หญิงหลายท่าน เด็กคนดังกล่าวถูกโรงเรียนก่อนหน้าไล่ออกในชั้นม.2 และเข้ามาสมัครเรียนใหม่ที่โรงเรียนแห่งนี้ในชั้นม.1 นร.โหดจึงรูปร่างสูงใหญ่กว่าเพื่อนร่วมชั้น

ในขณะที่ เด็กคนดังกล่าวไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลับโพสต์เฟซบุ๊กด้วยว่า “ด้านเลว_ก้อมี ด้านดีก้อมีส่วนใครจะได้เห็นด้านไหน ก้อขึ้นอยุ่กับความจริงใจที่มึ_ให้_ อยุ่กับความจริงใจที่มึ_ให้_ที่ให้โพสว่าไม่กลัวใคร ไม่ไช่ว่าไม่กล้าทำ เพราะ_กลัวโดนไล่ออกเลยอ่อยให้มึ_ก่อนเท่านั้นแหละ”

เมื่อสอบถามไปยังโรงเรียนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลระบุว่า ในวันนี้ (14 ก.ค.) ผอ.ติดราชการที่ จ.ระยอง ส่วนรองอีก 3 ท่าน ต้องเข้าประชุมแทนผอ. จึงไม่มีผู้ใดให้ข้อมูลได้ พร้อมกับแจ้งว่าให้ติดต่อกลับมาอีกครั้งในวันที่ 21 ก.ค.ที่จะถึงนี้

 

ความคิดเห็นจากสมาชิกเฟซบุ๊ก

comments