หญิงชรา วัย 82 สู้ชีวิต เลี้ยงลูกชายวัย 54 พิการ ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เก็บผักปลอดสารพิษใส่ถุงหนัก 5 กิโลกรัม แบกผักเดินเท้าเปล่า เกือบ 1 กิโลเมตรไปขายริมทาง หาเงินซื้อข้าวหล่อเลี้ยง 2 ชีวิตแม่ลูกให้อยู่รอด สุดรันทด ต้องนอนให้แม่ป้อนข้าวทุกมื้อ เพราะกลืนกินลำบาก แม้แต่นมกล่องยังดูดไม่ได้ แต่ยังไม่วายห่วงลูก เกรงว่าเมื่อสิ้นลมหายใจแม่แล้ว ลูกจะอยู่อย่างไร

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบ หญิงชรา วัย 82 ปี อยู่หมู่ 1 บ้านน้ำใส ตำบลชัยจุมพล อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ต้องต่อสู่กับชีวิตอยู่ตามลำพัง เพื่อหาเงินเลี้ยงลูกชายวัย 54 ปี พิการป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ด้วยการเก็บผักสวนครัวปลอดสารพิษที่อยู่ในสวนและที่นาของตนเอง

ทั้งปลูกและขึ้นตามธรรมชาติ อาทิ ผักบุ้ง ชะอมและมะกรูด รวมถึงมะม่วงเปรี้ยวที่ออกผลแล้ว หยิบใส่ถุงปุ๋ยแบกใส่หลังตนเอง วันละ 2 ถุงๆ ละ 3-5 กิโลกรัม เดินด้วยเท้าเปล่าออกจากบ้าน เดินลัดเลาะออกจากสวนเกือบ 1 กิโลเมตร วางขายในเพิงหญ้าคาที่คนใจบุญสร้างไว้ให้ ริมถนนสายห้องสูง-ชัยจุมพล เป็นประจำทุกวัน

โดยวางขายในราคาถูกให้กับคนทั่วไปที่ขับรถสัญจรผ่านไปมาหลังเลิกงานแล้ว ซื้อเก็บเอาไว้ปรุงเป็นอาหารรับประทานมื้อเย็นที่บ้านหรือมื้อต่อไป โดยมีรายได้จากการขายผักวันละเกือบ 200 บาท เพื่อนำรายได้หาซื้อข้าวหล่อเลี้ยงชีวิต 2 คนแม่ลูกให้อยู่รอดไปวันหนึ่ง เป็นภาพที่น่าสงสารและน่าให้ความเมตตาช่วยเหลืออุดหนุนซื้อผักปลอดสารพิษ ที่ หญิงชรา วัย 82 ปี นำมาขายเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ หญิงชรา วัย 82 ปี ทราบชื่อ คือ นางสุข มาแก้ว อยู่บ้านเลขที่ 18/1 บ้านน้ำใส อาชีพเกษตรกรรม อาศัยอยู่บ้านไม้กระต๊อบหลังเก่าและผุพัง มุงด้วยหญ้าคา มีลูกชายพิการป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง มานานถึง 13 ปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ทราบชื่อว่า นายสิงห์ มาแก้ว โดยช่วงที่สามีของนางสุขยังมีชีวิตอยู่ ได้ช่วยกันดูแลลูกชายคนนี้อย่างดีไม่มีปัญหา หลังสามีเสียชีวิตไป 4 ปี ต้องคอยรับผิดชอบดูแลลูกชายตามลำพังคนเดียว โดยไม่มีใครให้การช่วยเหลือ

นางสุข กล่าวว่า สงสารก็แต่ลูกชายที่พิการป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ร่างกายทุกส่วนทั้งขาและแขนไม่มีเรี่ยวแรงในการเคลื่อนไหวเหมือนคนปกติทั่วไป เดินไม่กี่ก้าวก็หกล้ม และต้องปล่อยให้ลุกขึ้นมาเอง พูดได้แต่ไม่ชัด ดูดนมกล่องก็ไม่มีแรงดูด กลืนกินข้าวก็ยังลำบาก ต้องนอนให้แม่ป้อนทุกมื้อและเป็นประจำทุกวัน ก่อนออกไปหาผักในสวนตอนเช้าก็ต้องป้อนข้าวให้ลูกกินก่อน
เก็บผักเสร็จมื้อเที่ยงก็ต้องกลับมาป้อนข้าวให้อีก ตกช่วงบ่ายถึงจะออกจากบ้านนำผักที่เก็บได้ไปขายริมถนน บางวันก็ขายได้หมด บางวันก็เหลือ และบางวันก็ขายไม่ได้เลย ตกเย็นต้องกลับบ้าน เพื่อป้อนข้าวให้กับลูกชายอีกครั้งทำอย่างนี้เป็นประจำ หลังป้อนข้าวเสร็จ จะบรรจงจูบที่หน้าผากลูกทุกครั้ง เป็นการแสดงถึงความห่วงใยให้ลูกได้รับรู้

“สิ่งที่ห่วงที่สุด เมื่อแม่สิ้นลมหายใจไปแล้ว ใครจะอยู่ดูแลช่วยเหลือลูกแม่คนนี้ และเขาจะอยู่อย่างไร ทั้งรักทั้งเป็นห่วงมาก”

นางสุขกล่าวทิ้งท้ายด้วยความเป็นห่วงลูก สร้างความสะเทือนใจอย่างมาก
ผู้ใจบุญช่วยเหลือครอบครัวนี้ได้ที่ บัญชีเงินฝาก ธกส.สาขาลับแล ชื่อบัญชี นางสุข มาแก้ว เลขที่บัญี 01-648-2-61890-0

ภาพจาก ข่าวสด

ความคิดเห็นจากสมาชิกเฟซบุ๊ก

comments