จากกรณีของ 2 ตายายเก็บเห็ด ในป่าสงวน ทำให้ถูกจับติดคุก 15 ปี จนทำให้บนโลกออนไลน์มีการนำคดีนี้มาเปรียบเทียบกับคดีคนรวยที่กระทำผิดและมักจะรอดจากการทำผิดอยู่เสมอ และล่าสุดตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์และตำรวจสภ.ยางตลาด พร้อมจะให้ความช่วยเหลือกับ 2 ตายาย ถ้าหากตา-ยาย ออกมาขอความช่วยเหลือก็พร้อมที่จะรื้อคดีขึ้นมาใหม่

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2559 พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ชัยพร พงษ์ศักดิ์ ผกก.สภ.ยางตลาด พ.ต.ท.อุทัย เพ็งธรรม รองผกก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ร่วมกันยืนยันพร้อมให้การช่วยเหลือนายอุดม ศิริสอน อายุ 51 ปี และนางแดง ศิริสอน อายุ 48 ปี สองสามีภรรยา ชาวบ้านหนองกุงไทย ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งหากทั้งสองคนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาในคดีบุกรุกและตัดไม้ในป่าสงวนแห่งชาติป่าดงระแนง และถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 30 ปี แต่รับสารภาพจึงลดโทษครึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 15 ปี กระทั่งทั้งสองมีการยื่นต่อศาลอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาตามศาลชั้นต้นจำคุก 15 ปี ซึ่งปัจจุบันมีการยื่นต่อศาลฎีกาและอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่เครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ได้ยื่นให้การช่วยเหลือและได้รับการปล่อยตัวออกมาชั่วคราว ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการทำงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดจับกุม และหลายคนไม่เชื่อว่าสองตา-ยายจะเป็นผู้ตัดไม้จริง เนื่องจากพื้นที่ป่าเสียหายมีจำนวนมาก ประกอบกับอายุทั้งสองคนก็มากแล้ว อีกทั้งในวันเกิดเหตุทั้งสองเข้าไปเก็บเห็ดเท่านั้น

พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ออกตรวจท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงระแนง ซึ่งพบกลุ่มบุคคลประมาณ 3-4 คน กำลังร่วมกันตัดไม้ และพบไม้สักถูกตัดโค่นล้มลงจำนวนมาก จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ซึ่งเมื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวพบเห็นเจ้าหน้าที่ก็ต่างพาหลบหนีไป แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทยเกอร์ สีแดงดำ ทะเบียน กยท. 331 กาฬสินธุ์ จอดอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงยึดไว้ตรวจสอบ พร้อมกับเข้าตรวจสอบพื้นที่ พบว่าป่าสงวนแห่งชาติถูกบุกรุกแผ้วถางรวมเนื้อที่ 72 ไร่ ตรวจยึดไม้สักและไม้กระยาเลยท่อนที่ถูกตัดโค่นลงจำนวน 1,148 ท่อน ปริมาตร 65.69 ลูกบาศก์เมตร จึงได้ร่วมกันตรวจยึดของกลาง พร้อมกับเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งมี พ.ต.ท.เทพบดินทร์ ทรงหอม พนักงานสอบสวนสภ.ยางตลาด เป็นเจ้าของคดี ซึ่งได้เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว

พล.ต.ต.อภิชิต กล่าวต่อว่า สำหรับคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ป่าไม้เป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐานและเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ โดยมีฝ่าย อ.ยางตลาดสมัยนั้นเป็นหัวหน้าชุดสอบสวน กระทั่งตำรวจ ซึ่งทำหน้าที่รับผิดชอบติดตามตัวเจ้าของรถจักรยานยนต์และพบว่ามีนายอุดม ศิริสอน อายุ 51 ปี และนางแดง ศิริสอน อายุ 48 ปี สองสามีภรรยาเป็นเจ้าของรถ และได้มีการสรุปสำนวนส่งให้กับอัยการฟ้อง โดยมีเพียงพนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจคือ พ.ต.ท.เทพบดินทร์ฯ ปลัดอำเภอ และนายอำเภอสมัยนั้นลงชื่อในสำนวนสอบสวน ไม่ได้ผ่านมายังผกก.หรือสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัด กระทั่งศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 30 ปี แต่ทั้งสองคนรับสารภาพ จึงลดโทษลงครึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 15 ปี โดยทั้งสองเห็นว่าโทษยังหนักอยู่จึงมีการยื่นต่อศาลอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นจำคุก 15 ปี ต่อมามีการยื่นต่อศาลฎีกา และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาตัดสินของศาลฎีกา ทั้งนี้ทางเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ได้เข้าให้การช่วยเหลือและได้รับการปล่อยตัวออกมาชั่วคราว

พล.ต.ต.อภิชิต กล่าวอีกว่า คดีนี้เกิดขึ้นมากว่า 5 ปีแล้ว ซึ่งตนและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ยางตลาดเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตามหากผลการตัดสินของศาลฎีกาออกมาเป็นอย่างไร และหากสอง-ตายายเก็บเห็ด มองว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เริ่มต้น ตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์และตำรวจสภ.ยางตลาดเจ้าของพื้นที่ก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือ หากทั้งสองประสานขอความช่วยเหลือมา ซึ่งอาจจะมีการเข้าไปสืบเสาะแสวงหาหลักฐานพยาน หรือรื้อคดีทำใหม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม แต่ปัจจุบันจากการประสานของตำรวจสองตา-ยายแต่ยังคงหวาดระแวงการทำงานของเจ้าหน้าที่และไม่ยอมให้พบ พร้อมกับบอกว่าให้คุยผ่านทนายอย่างเดียว ดังนั้นตนขอยืนยันว่าตำรวจกาฬสินธุ์มีความหวังดีพร้อมที่จะเข้าให้การช่วยเหลือไม่ได้มีเจตนาอื่น