เมื่อพูดถึง มือถือกันน้ำ หลายคนอาจจะนึกถึง มือถือรุ่นโซนี่ กันทั้งนั้น เพราะ มือถือของค่ายนี้ ที่ออกมาหลายต่อหลายรุ่นมัก จะมีคุณสมบัติเด่น ด้านการกันน้ำ รวมไปถึงกันฝุ่นระออง เรียกได้ว่าล้ำกันสุดๆ แต่ในยุคปัจจุบันนี้ มือถือกันน้ำนั้น มีออกมาให้เลือกซื้อกันมากมายหลายรุ่น หลายค่ายกันเลยทีเดียว ตอบโจทย์วัยโจ๋ เหมาะที่จะพกพาไปเล่นสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่วัน อยากจะแชท จะแชร์ โพสต์ โทรหรือไลน์หาใครก็ไม่ต้องกลัวเลยว่า จะหยิบขึ้นมา แล้วโดนน้ำสาดตู้ม มือถือจะพัง เพราะล่าสุดเว็บ รวมข่าวสารข้อมูลด้าน มือถือ  Teammoblog เขาได้รวบรวม 9 มือถือกันน้ำ มาให้ได้ชมกัน ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีรุ่นไหนเด็ดน่าโดนควรค่าแก่การเสียเงินกันบ้าง

           เริ่มที่มือถือตัวแรกเลย เพราะพึ่งจะเปิดตัวไปหมาด ๆ เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา สำหรับ Samsung Galaxy S8 และ Samsung Galaxy S8+ สองสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงที่มาพร้อมกับฟีเจอร์เด่นมากมาย ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ ยังคงคุณสมบัติด้านการกันนำและกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 แบบเดียวกับ Galaxy S7 สามารถอยู่ในน้ำลึก 1.5 เมตรได้นาน 30 นาที

       โดย Samsung Galaxy S8 และ Samsung Galaxy S8+ โดดเด่นในด้านดีไซน์ ซึ่งมาพร้อมกับหน้าจอขอบโค้งทั้ง 2 ด้าน ไร้กรอบ ไร้ปุ่ม Home ด้วยเทคโนโลยี Infinity Display ทำให้มีพื้นที่ในการแสดงผลที่เพิ่มมากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดตัวเครื่อง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่แกะกล่องอย่าง Bixby ผู้ช่วยส่วนตัวแบบสั่งการด้วยเสียง, พิมพ์ หรือสัมผัสได้, ปลอดภัยมากขึ้นด้วย เซ็นเซอร์สแกนม่านตา และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ พร้อมกับอัปเกรดสเปกให้แรงกว่ารุ่นก่อนหน้า  สำหรับราคาของ Samsung Galaxy S8 และ Samsung Galaxy S8+ ในไทย ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดในตอนนี้

 

     ถึงเทศกาลสงกรานต์ทีไร iPhone มักจะนอนอยู่บ้าน หรืออยู่ในถุงกันน้ำทุกที แต่สำหรับใครที่ใช้ iPhone 7 หรือ iPhone 7 Plus นั้น คงหมดห่วงเรื่องน้ำกันแล้ว เพราะ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาพร้อมกับคุณสมบัติด้านการกันน้ำกันฝุ่น ที่ระดับ IP67 ตามมาตรฐาน IEC 60529 ซึ่งสามารถอยู่ในน้ำลึก 1 เมตร ได้นาน 30 นาที สามารถนำติดตัวไปถ่ายรูปในงานสงกรานต์ได้แบบสบาย ๆ

   iPhone 7 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว แบบ Retina Display ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล, ชิปเซ็ต Apple A10 Fusion แบบ Quad-Core Processor, RAM 2 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 32 GB, 128 GB หรือ 256 GB (ไม่รองรับ microSD Card), กล้องด้านหน้า ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และไฟแฟลชแบบ Quad-LED True Tone Flash, แบตเตอรี่ขนาด 1960 mAh, ลำโพงเสียงแบบสเตอริโอ, รองรับ NFC และทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 10

     ส่วน iPhone 7 Plus มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบบ Retina Display ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล, ชิปเซ็ต Apple A10 Fusion แบบ Quad-Core Processor, RAM 3 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 32 GB, 128 GB หรือ 256 GB (ไม่รองรับ microSD Card), กล้องด้านหน้า ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลังแบบ Dual-Camera (กล้องคู่) ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล (ประกอบด้วยเลนส์ Wide และเลนส์ Telephoto) และไฟแฟลชแบบ Quad-LED True Tone Flash, แบตเตอรี่ขนาด 2900 mAh, ลำโพงเสียงแบบสเตอริโอ, รองรับ NFC และทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 10  โดยราคาของ iPhone 7 เริ่มต้นที่ 26,500 บาท ส่วนราคา iPhone 7 Plus เริ่มต้นที่ 31,500 บาท (ราคาเครื่องเปล่า)

        สำหรับมือถือซัมซุง ซีรี่ส์ Galaxy A รุ่นปี 2017 เพิ่มคุณสมบัติใหม่ในด้านการกันน้ำแล้ว ทำให้ Samsung Galaxy A7 (2017) รุ่นนี้ มาพร้อมกับคุณสมบัติด้านการกันน้ำ ตามมาตรฐาน IP68 สามารถอยู่ในน้ำลึก 1.5 เมตรได้นาน 30 นาที สำหรับสเปกของ Samsung Galaxy A7 (2017) ก็คือ มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล, ชิปเซ็ต Exynos 7880 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.9 GHz, RAM 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, แบตเตอรี่ขนาด 3600 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 (Marshmallow) ส่วนราคาของ Samsung Galaxy A7 (2017) อยู่ที่ 16,490 บาท

       สำหรับ Samsung Galaxy A5 (2017) รุ่นนี้ ก็รองรับคุณสมบัติด้านการกันน้ำเช่นเดียวกัน โดยมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านการกันน้ำ ตามมาตรฐาน IP68 สามารถอยู่ในน้ำลึก 1.5 เมตรได้นาน 30 นาที  ส่วนสเปกของ Samsung Galaxy A5 (2017) ก็คือ มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล, ชิปเซ็ต Exynos 7880 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.9 GHz, RAM 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 (Marshmallow) ส่วนราคาของ Samsung Galaxy A5 (2017) อยู่ที่ 14,490 บาท

        มากันครบซีรี่ส์ Galaxy A (2017) กันเลยทีเดียว สำหรับ Samsung Galaxy A3 (2017) น้องเล็กของตระกูลนี้ ด้วยคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 สามารถอยู่ในน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นาน 30 นาที แบบเดียวกับรุ่นพี่ โดยตัวเครื่องมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล, หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.6 GHz, RAM 2 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, แบตเตอรี่ขนาด 2350 mAh และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 (Marshmallow) ส่วนราคาของ Samsung Galaxy A3 (2017) อยู่ที่ 11,900 บาท

        สำหรับ Sony Xperia XZ นั้น นอกจากจะมาพร้อมกับคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP65/68 ป้องกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร นานต่อเนื่อง 30 นาทีแล้ว จุดเด่นของรุ่นนี้ นั่นก็คือ กล้องถ่ายรูป นั่นเอง โดยมาพร้อมกับกล้องด้านหน้า ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Exmor RS ขนาด 1/3.06 นิ้ว ส่วนกล้องด้านหลัง ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Exmor RS ขนาด 1/2.3 นิ้ว

       โดย Sony Xperia XZ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 5.2 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล, ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8996 Snapdragon 820 แบบ 64-bit Quad-Core Processor ความเร็ว 2.15 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 530 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB, รองรับเครือข่าย 4G LTE, แบตเตอรี่ขนาด 2900 mAh, มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 (Marshmallow) ส่วนราคาของ Sony Xperia XZ อยู่ที่ 19,990 บาท

     สำหรับ Motorola Moto G4 Plus แม้จะถูกจัดอยู่ในสเปกระดับกลาง ๆ แต่คุณสมบัติโดยรวมไม่แพ้ตัวท็อปในตลาดเลยก็ว่าได้ และอีกหนึ่งคุณสมบัติที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่ทราบ นั่นก็คือ Moto G4 Plus รุ่นนี้ สามารถกันน้ำได้อีกด้วย โดยตัวเครื่องเคลือบด้วยสาร nano coating สามารถกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง เช่น วิ่งฝ่านฝน, ละอองน้ำ หรือทำน้ำหกใส่ โดยไม่เป็นอันตรายใด ๆ กับตัวเครื่อง แต่ไม่สามารถนำไปแช่ลงในน้ำได้

     สเปกของ Motorola Moto G4 Plus มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล, ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8952 Snapdragon 617 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.5 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 405 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 128 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED, รองรับเครือข่าย 4G LTE, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 (Marshmallow) ส่วนราคาของ Motorola Moto G4 Plus อยู่ที่ 8,990 บาท

       ขอฝากกันอีกนิดเกี่ยวกับคุณสมบัติด้านการกันน้ำบนสมาร์ทโฟน เพราะมีหลายท่านที่อาจจะกำลังเข้าใจผิดเนื่องจากเห็นว่า เป็นมือถือกันน้ำ จึงนำไปใช้งานผิดประเภท เช่น นำไปลงน้ำทะเล เป็นต้น แต่จริงๆแล้ว คุณสมบัติ ด้านการกันน้ำบนสมาร์ทโฟนนั้น หมายถึง การนำไปลงน้ำสะอาด เช่นสระว่ายน้ำ หรือน้ำฝน แต่ถ้าในกรณีที่นำไปใช้งานในน้ำตก ที่มีความดันแรงสูง หรือน้ำทะเล ก็จะไม่ทนทานต่อน้ำได้ ฉะนั้นทุกคนควรทำความเข้าใจกับคุณสมบัติด้านการกันน้ำบนมือถือแต่ละรุ่นให้ดีเสียก่อน ตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานที่ให้มา

ขอบคุณภาพ ข้อมูลจาก : techmoblog.com