จากกรณีคดีสะเทือนใจ ที่คนร้ายบุกเข้าห้องพักของ ครูจุฬารัตน์ อายุ 27 ปี เพื่อหวังจะข่มขืนก่อนจะลงมือ ฆ่าปาดคอ อย่างโหดเหี้ยม ที่กำลังเป็นข้าวโด่งดังอยู่ขณะนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ หอพักไม่ทราบชื่อ ใน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว ทราบชื่อคือ นายชาตรี ร่วมสูงเนิน อายุ 27 ปี พนักงานโรงปูนแห่งหนึ่ง และพักอยู่ห้องตรงข้ามผู้ตาย

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 4 กรกฎาคม 2559 นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กำกับดูแลกลุ่มภารกิจพัฒนาพฤตินิสัย เปิดเผยว่า ทางเรือนจำจะมีการแยกขังนายชาตรี ร่วมสูงเนิน ผู้ต้องหาคดีฆ่าปาดคอครูสาว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ต้องขังรายอื่น ๆ ที่ทราบข่าวสะเทือนขวัญดังกล่าวรุมทำร้ายร่างกายในเรือนจำ โดยเรือนจำได้จัดให้มีนักโทษที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเหลือผู้คุม ให้เข้ามาดูแลใกล้ชิด

สำหรับผู้ต้องขังคดีข่มขืนนั้น จัดเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง เพราะคนปกติจะไม่ก่อเหตุเช่นนี้ เว้นแต่จะมีอาการมึนเมา เรือนจำจึงได้จัดโปรแกรมบำบัดและพัฒนาจิตใจให้นักโทษกลุ่มนี้เป็นการเฉพาะ ซึ่งเป็นโปรแกรมเดียวกับการบำบัดรักษาของเรือนจำในต่างประเทศ แต่ของไทยยังทำได้ไม่เต็มที่นักเพราะขาดแคลนนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ จึงจัดโปรแกรมบำบัดได้เพียงเรือนจำในเขตกรุงเทพมหานคร ไม่ครอบคลุมถึงเรือนจำในต่างจังหวัด

นอกจากนี้ นายชาตรี เคยต้องโทษในคดีเดียวกัน ในพื้นที่ จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 โดยศาลได้ตัดสินโทษจำคุก 2 ปี และเพิ่งพ้นโทษเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งนายชาตรี ต้องโทษในเรือนจำจังหวัดสระบุรี ถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 จึงถูกย้ายไปเรือนจำจังหวัดปทุมธานีเพื่อฝึกวิชาชีพ ต่อมาได้รับการอภัยโทษในโอกาสพิเศษ 4 เดือน 24 วัน คงเหลือโทษจำคุก 1 ปี 7 เดือน 6 วัน พ้นโทษออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 เมื่อนายชาตรีก่อคดีอาญาซ้ำและถูกส่งตัวเข้าเรือนจำอีกครั้ง จะถูกจัดเป็นนักโทษชั้นเลว เนื่องจากกระทำความผิดซ้ำภายในเวลา 5 ปี และจะไม่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ