กำลังเป็นที่สนใจในโลกออนไลน์ หลังจากวงร็อกชื่อดัง “ซิลลี่ ฟูลส์ (Silly Fools)” ประกาศเปลี่ยนแปลงนักร้องนำ เมื่อนักร้องนำคนเก่าอย่าง เบน-เบนจามิน จุง ทัฟเนล ที่ทำงานร่วมกันมา 9 ปี จำเป็นต้องออกเพื่อไปรักษาอาการบาดเจ็บ
หลังจากที่ เบนยุติบทบาทนักร้องนำ ซิลลี่ ฟูลส์ วงก็ยังเดินหน้าในการแสดงคอนเสิร์ตเหมือนเดิม โดยการใช้น้กร้องปริศนา ใส่หน้ากากร้องเพลง และมีเสียงที่คล้ายกับ โต นักร้องนำคนแลกของวง ซิลลี่ ฟูลส์ ทำให้แฟนๆ ลุ้นว่าขอให้ชายหน้ากากนั้นเป็น โต แต่ถ้าดูจากตอนแยกวงกันนั้น ดูเหมือนว่า วงซิลลี่ ฟูลส์ กับ ทางโต จะไม่สามารถกลับมาร่วมทางกันได้อีก จึงทำให้นักสืบพันทิปไปหาเบาะแสเจ้าของเสียงนั้นมา และดูเหมือนว่านักสืบพันทิปจะมีการฟันธงแล้วว่าเป็นใคร แต่ก็ยังไม่มีใครรู้อยู่ดีว่าที่ฟังธงกันมานั้นจะใช่หรือไม่ใช่
จากประเด็นทางเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ จึงได้ติดต่อขอพูดคุยกับ “หรั่ง-เทวฤทธิ์ ศรีสุข” มือเบส ซึ่งเป็นสมาชิกยุคก่อตั้งและเป็นแกนหลักของวง ซิลลี่ ฟูลส์ เพื่อหาคำตอบไขข้อข้องใจว่า นักร้องนำคนต่อไป
Q : คุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นนักร้องนำ ซิลลี่ ฟูลส์ ต้องมีอะไรบ้าง
A : เราดู 3 อย่าง คือ เสียงร้อง ทักษะ และ นิสัย เสียงร้อง เราเคยมีมาแล้วทั้งเสียงสูงคือโต และเสียงต่ำคือเบน มันให้รสชาติต่างกัน มีข้อดีต่างกัน เบน เสียงต่ำ นุ่ม มีความหนาของเสียง ผมชอบโดยส่วนตัวมันให้ความอบอุ่น ฟังได้นาน ไม่รำคาญหู ข้อเสียของเบนมีแค่ออกเสียงภาษาไทยไม่ชัด ส่วนเสียงสูงสไตล์โตมันพุ่งดี รู้สึกว่าเพลงร็อกแบบ ซิลลี่ ฟูลส์ มันควรจะเป็นแบบนั้น แต่ฟังนาน ๆ มันรำคาญหู มันสูงแยงหู มันมีดีกันคนละอย่าง ที่อยากได้ตอนนี้คืออยากได้ทั้งเสียงสูงและต่ำ ถ้าได้คนที่มีเสียงครอบคลุมทุกย่านจะดีมากเลย แต่มันหายากครับ สุดท้ายเราต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ทักษะ นอกจากการร้องต้องมีทักษะการแสดงสด คนที่จะมาเป็นฟรอนต์แมนต้องมีอะไรที่มากกว่าคนอื่น เราลองสังเกตวงที่โด่งดัง อย่าง บอดี้สแลม ตูนเขาจะมีความเป็นฟรอนต์แมนที่ชัดเจน ซึ่งวงที่อยากจะก้าวขึ้นไปโด่งดังมันต้องมีตรงนี้ มันต้องทำการบ้านมากกว่าคนอื่น รู้ว่าจุดไหนไปยืนแล้วเท่ ทำอะไรแล้วดี สำคัญที่สุดคือเรื่องนิสัย เพราะเราเจอปัญหาแบบนี้มามากแล้ว เราก็เลยคิดว่านิสัยการอยู่ด้วยกันสำคัญที่สุด อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าปกติหน่อย
Q : จำเป็นต้องเขียนเนื้อเพลงได้ด้วยไหม
A : ถ้าเขามีตรงนั้นมาเพิ่มให้ก็จะถือว่าสุดยอดเลย เพราะว่าเราจะจบที่ทีมเราได้เอง โดยไม่ต้องหวังกุนซือมาช่วย เราก็จะจบแบบสมบูรณ์ที่สุด เพราะว่าเวลาที่เราดีไซน์เนื้อเอง ดีไซน์การร้องเอง มันจะเข้าถึงอารมณ์มากกว่าที่ใครจะมาเขียนให้เรา แต่ถ้าไม่ได้ ก็หาคนอื่นเขียนก็ได้ การให้คนอื่นเขียนก็มีข้อดีตรงที่มันไม่จำเจ สีสันของเพลงก็จะมีมากขึ้น
ถ้าได้คนที่สมบูรณ์ในตัวที่เขียนเพลงได้ด้วยก็ถือว่าเป็นบุญของเรา แต่ถ้าได้ใครมาแล้วมันนิสัยเข้ากับเราเลยตอนนี้ มันไปด้วยกันได้ดี ไม่มีข้อให้หนักใจหลายเรื่อง จะทำงานสะดวก เราจะได้ไปเพ่งกับการทำเพลงอย่างเดียวว่าจะผลิตงานยังไงให้ออกมาดี แต่ถ้ามันมีเรื่องส่วนตัวเยอะ เราจะมาคิดมากลุ้มเรื่องคน
Q : นิสัยแบบไหนที่จะไม่เอาเลย
A : นิสัยที่แบบนี้จะไม่เอาเลยคือการลืมตัว อยากให้เคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนมึงเคยกินข้าวแกงได้ แล้ววันหนึ่งก็กินไม่ได้แล้ว อีกเรื่องคือความขยัน การช่วยกันเป็นทีม เราก็เหมือนทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง ถ้าเรามีกองหน้าเข้ามาแล้วยิงประตูไม่ได้สักทีมันก็เป็นเรื่องลำบาก เขาต้องเข้ามาเติมเต็ม วงเรามีประสบการณ์ในวงการมาค่อนข้างนาน เราอยากให้เขาฟังเรา เชื่อเรา เพราะว่าเราไม่ได้เอาสิ่งที่ไม่ดีให้เขา คือต้องปรับเข้าหาเรา เพราะเรามีแกนสำคัญที่ร่วมงานกันมานานมากแล้ว ถ้าเข้ามาแล้วอยากเป็นตัวของตัวเองแบบนั้นแบบนี้ ก็ไปตั้งวงใหม่ของตัวเองดีกว่า มันเหมือนเป็นระบบเป็นบริษัทของเรา ที่เราทำงานกันอยู่ ถ้าจะเข้ามาก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบของบริษัท

Q : ต้องรู้อยู่แล้วว่า ซิลลี่ ฟูลส์ เป็นประมาณนี้ ถ้าไม่โอเคก็ไม่ควรเข้ามา ถูกไหม?
A : ใช่ ๆ ก็ไม่ควรเข้ามาตั้งแต่แรกเลย
Q : ถ้าเขาปรับตัวแล้ว แต่เขาอยากเสนอแนะ อยากใส่อยากเติมอะไรที่เขาคิดบ้างได้ไหม?
A : เรื่องเสนอแนะอะไร เรารับฟังอยู่แล้ว เพราะว่าการได้คนรุ่นใหม่เข้ามามันช่วยทำให้เราได้เห็นมุมมองแบบอื่นที่มันอาจจะดีกว่า แต่ว่าไม่ใช่มายืนกรานของตัวเองอย่างเดียว เพราะเราทำงานกันแบบประชาธิปไตย เสียงข้างมากก็ชนะ ไม่มีเผด็จการ ถ้าเสียงข้างมากเป็นแบบนี้ก็เอาแบบนี้ เราเอาสิ่งที่ดีที่สุดให้ทีมเรา มองไปจุดที่สร้างสรรค์สำหรับวง เราไม่เอาอะไรที่ไม่สร้างสรรค์ให้ตัวเอง ผมว่าทุกอาชีพต้องช่วยกันมองไปข้างหน้า
Q : ตอนที่เบนเข้ามา เบนนำความเปลี่ยนแปลงเข้ามาในวงเยอะไหม?
A : ช่วงแรกเบนก็ยังไม่ได้เสนออะไร แต่เราเห็นโทนเสียงโทนเพลงของเบน แล้วเรารู้ทางว่าเบนมาสไตล์นี้เราต้องทำเพลงไปทางไหน และอัลบั้มแรกที่เบนเข้ามาเราทำเป็นภาษาอังกฤษล้วน เพราะเบนร้องไทยไม่ชัด เราปรับไปเหมือนกัน มันก็เลยไม่มีปัญหา ค่อนข้างลงตัว และเบนมีความเป็นผู้ใหญ่สูง อยู่กันแบบสบาย ๆ อะไรก็ได้ เรื่องนิสัยใจคอเบนโอเคเลย

Q : แสดงว่าน่าจะลำบากใจพอสมควรที่เสียคนที่เข้ากันได้ดีไป
A : ก็ใช่ครับ แต่เราต้องก้าวเดินต่อ ก็เลยอยากจะใช้เวลามองคนใหม่นาน ๆ หน่อย ถ้าแฟน ๆ ต้องมาบ่นไปเรื่อย ๆ ว่าทำไม ซิลลี่ ฟูลส์ เปลี่ยนสมาชิกบ่อยจัง เขาก็คงไม่ไหว เราอยากให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ ถ้ามันต้องเกิดเหตุอะไรก็ค่อยว่ากันอีกที แต่อยากให้มันจบเป็นคนสุดท้าย เพราะตอนนี้อายุอานามก็สูงวัยใช้ได้แล้ว

Q : ตอนนี้เริ่มเปิดรับออดิชั่นจริงจังหรือยัง
A : ยังครับ ตอนนี้กำลังปรับชุมกันหนักว่าจะทำยังไง จะไปในทิศทางไหน มีคนมาเสนออยากจะทำเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ แต่เราขอคิดดูก่อน เดี๋ยวไปทำแล้วออกมาไม่ดี แฟนเพลงแบ่งแยกกันอีก ทุกอย่างมันต้องรอบคอบครับ เราไม่รีบตัดสินใจ เรามีเวลา ค่อย ๆ ดีกว่า เพราะเราก็เห็นมาเยอะ วงการนี้เวลามันเปลี่ยนแปลงมันค่อนข้างเปลี่ยนได้เร็ว ความดังมันไม่เข้าใครออกใคร
เราเห็นความเปลี่ยนแปลงว่ามันทำลายวงเราไปยังไงบ้าง เราก็ต้องมาอุดรอยรั่วตรงนั้นที่เราเคยมีประสบการณ์มา เพราะว่ามันสำคัญเลย เราจะเห็นบ่อย ๆ วงหลายวงกำลังดังแล้วก็แตกกัน มันแทบจะเป็นเรื่องสัจธรรม มันเป็นโรคร้ายโรคหนึ่งที่ไม่มีใครรักษามันได้ ถ้ามองมันไม่ทัน ทีนี้เรามองเห็นมันแล้วเราจะรักษามันยังไง เรามีโอกาสที่เราจะทำใหม่ เราก็ต้องป้องกัน วงต้องมีวัคซีนให้ตัวเอง
Q : รอยรั่วตรงนั้นคืออะไร การจะเดินหน้าต่อไปต้องระวังเรื่องอะไรมากที่สุ
A : ฝากถึงวงต่าง ๆ เลยก็ได้ครับ คือเราต้องพยายามหันมองตอนที่เราเริ่มกันมา เราเคยมีพลังทำโน่นนี่นั่น ทำอะไรก็คิดถึงกัน ไปด้วยกัน มองเป้าหมายเดียวกัน แต่พอถึงวันที่ดัง แทบทุกคนจะลืมว่าเรามายังไง แล้วคิดว่าถ้าไม่มีฉัน พวกมึงตายนะ กูสำคัญสุด คืออย่าคิดว่าตัวเองสำคัญคนเดียว ทุกตำแหน่งมันเท่ากันหมด ถ้าอยู่กันเป็นทีมแล้วมันแข็งแกร่งก็ควรจะรักษาทีมไว้ อย่าคิดว่าฟรอนต์แมนจะโดดเด่นไปกว่าไลน์กีตาร์ โอเคอาจจะดังกว่า แต่ถ้าไม่มีไลน์กีตาร์ไลน์นี้ มันก็อาจจะไม่ออกมาเป็นเพลงนั้นก็ได้ ต้องนึกย้อนหลังไว้ตลอด มองกลับหลังบ้าง อย่าเดินหน้ากันอย่างเดียว
Q : นักร้องคนที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอช่วงที่ผ่านมา เป็นคนที่มีคะแนนนำคนอื่นไหม
A : เขาก็ต้องมีคะแนนเหนือคนอื่นอยู่แล้ว เพราะเราให้เขาขึ้นเวทีกับเรา คนนี้เป็นคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน น้องเขาเดินเข้ามาหาเอง เราได้ลองฟังเสียงเขาแล้วโอเค เขาน่าจะเป็นตัวเต็ง ถ้าเราทำออดิชั่นก็ต้องรอดูว่าใครจะคว่ำคนนี้ได้ เขาอาจจะเป็นคนที่ดีที่สุดของเรา ณ ตอนนี้ แต่ต้องรอดูว่าจะมีใครที่ดีกว่าเข้ามาไหม
Q : คนนี้เสียงคล้ายโต ไม่กลัวจะไม่มีปัญหาเรื่องการเปรียบเทียบ เรื่องใครแทนใคร?
A : มันโดนเปรียบเทียบอยู่แล้วล่ะ แต่วงไม่เป็นไร แฟนเพลงต้องเข้าใจว่าเรายังไม่ได้ทำเพลงใหม่ให้เขาฟัง แต่ถ้าเป็นการเล่นเพลงเก่า มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องร้องให้มันไม่เหมือน เพราะผมคิดว่ารสชาตินั้นมันดีมากอยู่แล้ว นอกจากว่าถ้าเราทำเพลงใหม่เล่นเพลงใหม่ แล้วเพลงใหม่เหมือนเพลงเก่าก็ค่อยว่ากัน แต่ว่าเพลงเก่าที่เราเล่นทั้งหมดตอนนี้ผมว่ารสชาตินี้มันเหมาะแล้ว
Q : ฟังเนื้อเสียงของเขาแล้ว ถ้าไม่ร้องแบบโต เขามีอะไรที่แตกต่างออกไปเยอะไหม
A : มันก็มีนะ แต่ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะเรายังไม่ได้ร่วมงานกับเขาในพาร์ตการทำเพลง ในการทำเพลงมันสามารถดีไซน์กันได้หมด มันไม่มีข้อจำกัด ยังเดาไม่ถูกเลยว่ามันจะไปแบบไหน ถ้าเริ่มลงมือทำก่อนแล้วเราจะเห็นเลยว่าไปแบบนี้ก็ได้ แบบนี้ก็ได้ มันต้องกลั่นกรอง ต้องใช้เวลา
Q : งานที่รับไว้เยอะไหม จะใช้นักร้องคนนี้ต่อไปหรือยังไง
A : เยอะครับ ยาวถึงเมษาปีหน้า ก็ต้องใช้คนนี้ไป แล้วดูปฏิกิริยาแฟนเพลงด้วยว่าเขารู้สึกยังไง มันก็ดีครับ มันเหมือนพาเขาไปลองชีวิตจริง แล้วเราดูว่าเขาจะฝ่าฟันไปยังไง จะทำให้ถูกใจแฟนเพลงทุกครั้งได้ยังไง ถ้าเขาไม่ผ่านเราก็อาจจะไม่เอาเขา มันไม่มีอะไรแน่นอน ใต้หน้ากากนั้นใครจะไปรู้ว่าเป็นใครกันแน่ อยู่ที่ว่าใครจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุด
Q : จะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ไหม
A : ไม่รู้ครับ เราไม่อยากไปบีบเวลา เพราะเราไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องรีบร้อง เราอยากหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง เหมือนคนแต่งงาน หย่ามา 2 รอบแล้ว รอบที่ 3 คงไม่อยากหย่าแล้ว
Q : ต้องรอจนได้นักร้องใหม่ถึงจะเริ่มทำเพลง หรือทำกันไว้แล้ว
A : ตอนนี้เริ่มทำกันไว้แล้วครับ แล้วค่อยมาปรับเปลี่ยนคีย์ร้องตอนที่ได้นักร้อง มันปรับตอนหลังได้ ไม่ยาก

Q : ดังที่สุดก็ดังมาแล้ว ตอนนี้มองเป้าหมายของ ซิลลี่ ฟูลส์ ไว้ยังไง
A : พวกผมหมดความคาดหวังที่จะดังแล้ว เราก็ยังไม่รู้ว่าความดังมันเป็นยังไง ตัวผมกับวงเราแค่รู้สึกว่าตอนนั้นเรากำลังจะดังแล้ววงก็แตกกัน เรายังไม่รู้สึกว่าเราดัง แต่เห็นวงรุ่นน้องอย่าง บอดี้สแลม บิ๊กแอส เราได้เห็นความดังของเขาที่มันสั่งสมมาได้หลายปี แต่ว่าซิลลี่ ฟูลส์ ตัวผมมองว่ายังไม่ถึง มันเกือบจะถึงอยู่แล้ว (ลากเสียงยาว) ตอนนั้นพวกผมคิดว่าเรายังทำเพลงได้ดีกว่านั้นอีก มันยังมีเวลา ไม่ใช่ว่าเราเริ่มตันทำเพลงไม่ออกแล้ว ตอนนั้นไฟเรายังเต็มอยู่เลย แต่อยู่ ๆ หม้อแปลงก็ระเบิด ไฟลัดวงจร ไฟไหม้บ้านไปเลย ฉะนั้นตอนนี้เราเล่นดนตรีเราคิดถึงความเป็นอาชีพ ไม่ได้คิดถึงเฉพาะตัววง เราต้องเลี้ยงดูลูกทีมของเราได้ด้วย ทั้งเด็กเครื่อง คนขับรถ ทุกคนมีครอบครัวต้องเลี้ยงดูอีกหลายชีวิต เราต้องคิดถึงคนเหล่านี้ก่อน นี่คือหนึ่งเรื่องหลักที่เราทำงานกันอยู่ อีกเรื่องคือเราอยากทำเพลงให้แฟนเพลงเราชอบตลอดไป ทุกเพลงที่ ซิลลี่ ฟูลส์ ทำออกไป มันต้องเป็นเพลงที่เราชอบก่อน เพราะเราเป็นโรคจิตชอบเสพเพลงของตัวเองด้วย เราทำเพลงสนองความชอบของตัวเอง ทุกครั้งที่ทำออกมา แฟนเพลงก็พอใจนะ เราใส่ใจกับมันทุกอย่าง มันอาจจะไม่กลมกล่อมถูกใจทุกคน แต่เราพยายามผลิตให้มันดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ถ้ามีฟรอนต์แมนมาเติมเต็มให้เราได้ เพลงเราก็ยิ่งจะดีขึ้นกว่าเดิม
Q : อยากบอกอะไรแฟน ๆ ไหม เห็นมีคอมเมนต์อะไรกันเยอะแยะ
A : อยากจะพูดแรง ๆ นะ คือตอนนี้พวกผมไม่มีอะไรเสียอยู่แล้ว ไม่สนใจ ถ้าใครยังชอบ ซิลลี่ ฟูลส์ อยู่ ก็จงเชื่อมั่นในเรา เราจะทำงานที่ดีที่สุดให้ฟัง แต่ว่าถ้าจะให้ถูกใจทุกคนอย่างที่คอมเมนต์ ก็ไม่ต้องฟังก็ได้ เพราะว่าเราก็ผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ไม่อยากเก็บทุกอารมณ์ของคนมาเพื่อทำให้เขาถูกใจ มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าชอบก็ฟังต่อ ไม่ชอบก็เลิกฟังเท่านั้นเองครับ ยังมีอีกหลายวงให้เลือก