กลายเป็นประเด็นใหญ่ซะแล้วสำหรับแม่ค้าขาย ชุดดอกไม้ธูปเทียน ไหว้พระ พร้อมเครื่องไหว้ชุดใหญ่ ที่ ศาลพระพรหมเอราวัณ บริเวณ สี่แยกราชประสงค์ ช่วงเวลากลางดึก ที่มีหญิงสาวรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าไปไหว้ พระพรหมเอราวัณ ตอน 23.30 น. และโดนแม่ค้าเรียกเก็บเงินไป 700 บาท

“ใครจะไปไหว้พระพรหมเอราวัณดึกๆ ระวังดีๆ นะ” หญิงสาววัยเรียนรายหนึ่งตัดสินใจใช้เฟซบุ๊กส่วนตัว โพสต์ภาพพร้อมเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงที่เพิ่งเจอมากับตัวสดๆ ร้อนๆ หลังเดินทางไปไหว้ พระพรหมเอราวัณ  บริเวณ สี่แยกราชประสงค์ เวลา 23.30 น. ซึ่งศาลเจ้าปิดทำการแล้ว เธอจึงยกมือไหว้อธิษฐานอยู่นอกรั้ว เมื่อเห็นดังนั้น แม่ค้าจึงตกเบ็ดเข้าไปหาเหยื่อ แล้วใช้กลลวงฉบับคลาสสิคที่เคยทำหลายต่อหลายครั้ง หลอกเอาตังค์ในกระเป๋าเหยื่อรายนี้ไป 700 บาทแบบเนียนๆ

“มีป้ามาเรียกบอกว่า ไหว้ตรงนี้เลยลูกๆ เราเห็นก็มีคนไหว้อยู่ มีโต๊ะวาง ชุดดอกไม้ธูปเทียน และยื่นให้ เราจะจ่ายตังค์ ถามว่าเท่าไหร่คะ นางบอกว่าค่อยจ่ายตอนไหว้เสร็จ เราก็รับธูปมาจากเขา เขาก็บอกวิธีการไหว้ เราก็ทำตามตอนกำลังสวดมนต์ ป้าก็เอาถาดดอกไม้มาวางข้างๆ เราก็บอกเอาแต่ธูปไม่เอาดอกไม้ หันไปมองป้า ป้าบอกมันรวมกับค่าอันนั้นแล้วลูก… อะๆ ไหว้ก็ไหว้ ในนั้นไม่มีแค่ดอกไม้กับธูป แล้วก็อะไรไม่รู้เป็นกระดาษทองๆ เสร็จขอพรเรียบร้อย ป้าคิด 700!!

ดูอีกที เงิบเลยครับท่านผู้ชม ป้าบอกว่ามันเป็นเครื่องไหว้ชุดใหญ่ ย้ำอีกที 700 แล้วไงต่อ ก็ต้องจ่ายไง เราไหว้ไปแล้วให้ทำไง เจอค่าโง่เลย ใครให้ไปไหว้ตอนห้าทุ่มกว่า… จ่ายแบงก์พัน เดินไปหาตังค์ทอนโคตรนาน นึกว่าจะไม่กลับมาทอนละ ตอนรับตังค์ทอนนี่ กระชากแบงก์จากมือป้าเลย มีการบอกขอให้สมหวังนะหนูด้วย… ช่วยกันแชร์เพื่อคนที่คุณรัก”

แต่เมื่อขุดลึกลงไปเกียวกับกรณีนี้กลายเป็นว่าเคสนี้ดันไม่ใช่เคสแรกๆซะด้วย ซึ่งแม่ค้าหน้าเลือดที่หากินกับความศรัธทาพวกนี้ทำกันมานานแล้ว และมีคนโดนหนักถึง 7,000-8,000 กันเลยทีเดียว

“เราโดน 900 พวงมาลัย 1 พวง, หมากพลู 1 ชุด, ธูป 1 ห่อ”

“โดนมาเหมือนกัน แม่ค้าบอกให้นำโน่นนี่นั่นไปไหว้ รวมๆ กัน 500 กว่าบาท เยอะมาก ไป 2 คน ตกราวๆ 1,000 กว่าๆ แย่มากอ่ะค่ะแม่ค้า”

“โดนเต็มๆ เหมือนกัน เมื่อหลายปีที่แล้ว พาเจ้านายคนไต้หวันไป ซึ่งท่านก็นับถือพระพรหมมากๆ เราพาท่านไปไหว้ ถามแม่ค้าว่าพวงมาลัยเท่าไหร่คะ แม่ค้าบอกว่า 20 บาทต่อพวง ไป 3 คน ก็เลือกมา 3 พวง แม่ค้าก็ชวนพูดโน่นนี่นั่น และจัดชุดธูปเทียน พร้อมตัวตุ๊กตาช้าง-ม้ามาให้ เราก็บอกว่าเราไม่เอา เราไม่เคยไหว้แบบนั้น เอาพวงมาลัยอย่างเดียว เขาก็บอกว่าต้องไหว้แบบนี้ พอไม่เอา เขาก็เอาใส่ถุงไปห้อยไว้ที่ข้างกำแพง

พอจะจ่ายเงิน รู้ไหมเท่าไหร่ 1,500 บาท เราก็งง บอกแม่ค้าว่าตอนแรกเราเอาแค่พวงมาลัย แม่ค้าก็พูดเสียงดังมาก พร้อมว่าเสียๆ หายๆ จะเดินหนีก็ไม่ได้ พาพวกมาดึงไว้ สุดท้ายเราก็ต้องจ่ายไป นี่คือบทเรียนแรกที่ศาลพระพรหม ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้ลงไปไหว้อีกเลย ไม่คิดว่าปัจจุบันยังมีอยู่”

“ไหว้ธรรมดาหรือว่าขอพรคะ ดิฉันไหว้ธรรมดา โดนไป 700 แล้ว ถ้าไหว้ขอพรนี่จะขนาดไหน เดินไปอีกนิด ข้างในพระพรหมขายชุดละ 50 บาทค่ะ ขอบอกว่าพวกนี้มาเฟียมาก อย่าเผลอไปมีเรื่อง โดนด่าประจาน แถมยังตามพวกมารุมด่าด้วย ใครไม่ซื้อก็อย่าได้สบตา ดิฉันเดินผ่านทุกวัน”

“โดนกันไปถ้วนหน้า… เห็นใจพวกเดียวกัน เพราะดิฉันก็เคยเสียตังค์ให้พวกมันมาแล้ว”

“พวงมาลัยของมูลนิธิท่านท้าวมหาพรหมจะตั้งขายภายในบริเวนศาลท่านเท่านั้น ขอย้ำนะครับ ภายในศาลท่านท้าวมหาพรหมเท่านั้น ราคาจะอยู่ที่ 20 บาท หรือแล้วแต่ศรัทธาครับ ผมไปประจำ ใส่กล่อง 100 บาท ทุกครั้งไม่มีพิเศษอะไร เราศรัทธาท่าน แล้วที่เราใส่กล่องรับบริจาค เราก็ไม่เดือดร้อน ได้บุญ ได้กุศลด้วย

ฉะนั้น ท่านที่ซื้อนอกรั้วก็จะเป็นคนนอกมาตั้งขาย ซึ่งก็จะโดนแบบนี้เกือบทุกรายไป แต่เมื่อ 20-30 ปีก่อนยิ่งกว่านี้อีก ล้อมหน้าล้อมหลังยังกะประมูลกันเลย เดี๋ยวนี้ กทม.มาจัดการดีขึ้นนิดนึงเฉพาะกลางวัน พอกลางคืน ใครไปหลัง 2 ทุ่ม ศาลปิดก็จะโดนแบบนี้แหละครับ”

“ปีที่แล้วก็โดนเหมือนกันครับ ไปสองคนกับภรรยา โดนไปพันกว่าบาท ก็ได้แต่อนุโมทนาบุญให้แม่ค้าเค้ารวยไวๆ ไม่รู้ว่ากรุงเทพมหานครจะทำอะไรได้บ้าง?”

“เคยโดนมาแล้วเหมือนกัน เห็นใจนะ ไม่ทราบว่าปล่อยให้ทำอย่างนี้ได้ยังไง กลางเมืองแท้ๆ และอยู่ใกล้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเลยล่ะ คราวหน้าไปซื้อในรั้วของศาลท้าวมหาพรหมนะครับ ที่ขายริมถนนข้างนอกอย่าซื้อเด็ดขาด”

“ตรงนั้นใกล้ๆ มีสถานีตำรวจนี่ ชวนป้าแกไปรับเงินที่ สน.สิ”

“โดนเหมือนกัน แถวนั้น ทหารไม่เห็นว่าอะไรเลย ยังมีทหารเดินมาดูเลย อยากให้ไปตรวจสอบค่ะ”

3,000-8,000 บาท คือ “ค่าโง่” ที่เหยื่อหลายต่อหลายรายถูกเรียกเก็บจากแม่ค้าหน้าเลือดรอบบริเวณศาลพระพรหมเอราวัณ เจ้าหน้าที่ประจำศาลเคยให้ข้อมูลเชิงลึกเอาไว้กับสื่อตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่า วันเวลาผ่านไป มาเฟียขาเดิมจะยังหากินกับวิธีการเดิมมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ต้องเชื่อเพราะกลุ่มแม่ค้าพวกนี้คือญาติพี่น้องกันหมด และเริ่มตั้งแผงขายแบบนี้มานานมากแล้ว แม้ในหลายครั้งเรื่องจะถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วก็ตาม แต่กระบวนการยุติธรรมก็ทำได้แค่เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยให้แม่ค้าช่วยลดราคาเท่านั้นเอง

เคยมีเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้ามาจัดระเบียบพื้นที่บริเวณนี้อยู่บ้างเหมือนกันที่ผ่านมา จึงทำให้กลลวงในช่วงกลางวันดูเพลาๆ ลงไปได้บ้าง โดยมีการติดป้ายบอกราคาเอาไว้ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เจ้าหน้าที่ไม่มีกำลังพอในการสอดส่องดูแลได้อย่างทั่วถึง กลุ่มแม่ค้าผู้ฉวยโอกาสเหล่านี้ก็พร้อมจะขายเกินราคา หรือกำหนดราคาแบบมัดมือชกอย่างที่คุ้นเคยอยู่ดี

“ลูกค้าที่โดนเก็บเงินส่วนใหญ่ไม่กล้าโวยวาย ผมก็บอกให้ไปแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งเมื่อมาถึงก็ทำได้แค่ไกล่เกลี่ย หรือบอกให้แม่ค้าช่วยลดราคาให้ ลูกค้าบางคนเลยต้องยอมจ่ายเงินเพื่อตัดรำคาญและไม่อยากเสียเวลาต่อรอง” เจ้าหน้าที่ประจำ ศาลพระพรหมเอราวัณ เคยเผยเบื้องหลังเอาไว้ด้วยน้ำเสียงปลงตก

ลองย้อนกลับไปดูในปี 53 จะพบว่ามีกระทู้ร้องทุกข์ในลักษณะเดียวกันเคยตั้งเตือนภัยเอาไว้ “อยากเตือนเพื่อนๆ ที่อยากไปสักการะพระพรหม ที่แยกราชประสงค์ (พวงมาลัยที่แพงที่สุดในชีวิต)” คือหนึ่งในประวัติศาสตร์การร้องทุกข์ครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งเหยื่อที่ต้องเสียค่าโง่ให้แก่เหล่าแม่ค้าหน้าเลือด ณ จุดนั้น เสียหายยิ่งกว่ารายล่าสุดนี้เสียอีก

เชื่อหรือไม่?… แค่หลงกลสักการะพระพรหมด้วยเครื่องไหว้ชุดใหญ่ อันประกอบไปด้วย พวงมาลัยดอกพุด 7 สี ยาว 7 ศอก จำนวน 28 พวง, ช้างไม้ตัวเล็ก จำนวน 16 ตัว, ยาสูบ 4 แพก, ธูป และเทียน รวมแล้ว สนนราคาอยู่ที่ 8,000 บาท!!

“เพื่อนเราพยายามถามว่าราคาเท่าไหร่ แม่ค้าก็บอกว่า เอาไปก่อนเดี๋ยวค่อยมาจ่าย ถามย้ำแล้วย้ำอีก แม่ค้าก็ไม่ยอมบอก บอกแต่ว่าไปไหว้ก่อน เดี๋ยวพาไปไหว้ ช่วยถือของนั่นโน่นนี้ แหม!! ช่างประทับใจจริง แม่ค้าพูดดีเลยไม่ทันคิดว่า ได้เสียท่าไปซะแล้ว พอไหว้เสร็จเรียบร้อย ถามราคา ต้องถึงกับช็อก!! แทบเป็นลม เพื่อนเราคนที่ไปแก้บน แม่ค้าบอกว่า 8,000 บาท… โอ้แม่เจ้า!!

ส่วนเพื่อนอีกคน ราคา 800 บาท ถึงกับอึ้ง! พูดอะไรไม่ออก บอกว่าทำไมแพงอย่างนี้ พอพูดปุ๊บ แม่ค้าร้านข้างๆ ต่างพากันมารุมล้อม โอ๊ย! นี้มันมาเฟียหรือไงเนี่ย ท้ายสุดก็ต้องไปกดเงินมาจ่าย แม่ค้าก็เดินตามไปด้วย บอกว่าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินมาให้ โห..เหมือนจะเป็นคนดีนะเนี่ย… ช่างมันเถอะ คิดว่าทำบุญ”

“ผมก็เคยโดนเหมือนกันเลยครับ แต่ผมโดนไปคนละ 1,800 ไปกับเพื่อนเกาหลีอีก 2 คน แต่สุดท้าย จ่ายป้าแกไปพันเดียว… พอบอกว่าจะมาไหว้แก้บน แม่ค้าตัวดีนั่นก็ทำเป็นถามว่าบนไว้ว่าอะไร ยังไง ชวนคุยไปเรื่อย ดูอัธยาศัยดีมากๆ พอถามว่าราคาเท่าไร ป้านั่นกลับตอบมาว่า มาเดี๋ยวพี่ช่วยถือไปให้ แล้วก็ลุกเดินพาไปเลย เลยเดินตามไป บอกวิธีการไหว้เสร็จสรรพ พอเสร็จ ป้าก็ยืนรอ คำตอบที่ได้คือ ทั้งหมด 5,400 บาท OMG!!!!!

ผมเริ่มเซ็งกับราคา เลยถามไปว่ามันแพงไปหรือเปล่าครับ ของแค่นี้ นี่มันสิบเท่าของต้นทุนอีกมั้ง แกก็ถามมาแบบเหวี่ยงๆ ว่าจะจ่ายหรือเปล่า? ราคามันก็เรตนี้อยู่แล้ว ไปถามเจ้าอื่นดูก็ได้ ผมเลยพูดใส่ไปว่า นี่มันขูดรีดกันทั้งหมดนี่เลยเหรอ แพงไปแล้ว ผมไม่จ่าย อยากได้เงินก็ไปแจ้งความฟ้องเอา ผมรีบเดินออกมากับเพื่อนอีก 2 คน ป้าแกเดินตามบอกจะแจ้งตำรวจ ผมบอกเอาเลย ผมไม่กลัว (จริงๆ ก็กลัวแหละครับ) และบอกแกไปว่า ผมให้ได้มากสุดก็พันเดียวแหละครับ ถ้ามากกว่านี้ มาฟ้องผมเอา

ป้าแกก็ยังไม่ยอม บอกจะแจ้งตำรวจ ผมเลยสวนไปว่า แจ้งเลย! ให้มันรู้กันไป (ตอนนั้นเริ่มกลัว) เลยพูดไปอีกว่า รู้หรือเปล่าว่าผมเป็นใคร ผมแค่โทรกริ๊งเดียว ป้าได้ยกแผงออกไปจากที่นี่แน่ (จริงๆ แล้วมั่วไปงั้นแหละครับ ไม่ได้ใหญ่โตอะไร) ป้าแกเริ่มอ่อนลง ผมเริ่มรู้สึกว่าครองเกมแล้ว เลยหยิบเงินให้แกไปพันนึง แล้วพูดไปว่า คราวหน้าถ้ายังขูดรีดอยู่อีก ได้เจอกันแน่!! แล้วก็รีบเผ่นออกมาจากที่นั่นเลย ทุกวันนี้ก็ยังไม่กล้ากลับไป เพราะกลัวป้าแกจำหน้าได้แล้วจะล้างแค้น”

…สารพัดวิธีการเอาตัวรอดของ “เหยื่อ” ที่ต้องต่อสู้กับเหล่า “แม่ค้ามาเฟีย” แปะหราอยู่บนโลกออนไลน์ หลากวิธีลวงเงินผู้คนจากศรัทธา หลอกขายพวงมาลัยเกินราคาอย่างหน้าตาเฉย…

ที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ ทุกรายละเอียดกลโกงที่อยู่ในเรื่องเล่าเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ยังคงดำเนินต่อไปเหมือนเดิมในตอนนี้ พ่อค้า-แม่ค้าเจ้าของแผงกลโกงไม่ได้สูญสลายไปไหน… และยังไม่ได้คำตอบว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกนานเท่าไหร่ หรือต้องรอให้ญาติสนิทมิตรสหายของผู้ใหญ่ในบ้านเมือง มาลองเสียแบงก์พันบำรุง “ค่าโง่” ตรงนี้กันก่อน ถึงจะยอมสะดุ้งสะเทือน ออกมาจัดการให้สมกับคำว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ของประชาชน…

ความคิดเห็นจากสมาชิกเฟซบุ๊ก

comments