เมื่อวันที่ 7 กรกฏาคม 2559 ศูนย์ประชาบดี กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้าน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ว่ามีเด็กชายเอ (นามสมมุติ) อายุ 6 ขวบ ถูกพ่อและ แม่เลี้ยง ตีสภาพตามร่างกายพบร่องรอยเขียวช้ำ ทั่วลำตัว ที่ใบหูมีรอยเขียวช้ำ รวมถึงที่ศีรษะระบมเขียวช้ำ ซึ่ง ด.ช.เอ ได้นั่งขายผลไม้อยู่ที่รถซาเล้งสภาพเก่า บริเวณตลาดนัดหัวถนนคลองสาม หมู่ 7 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

นอกจากนี้ ยังพบบาดแผลที่ต้นขาขวาเป็นแผลเหวอะ โดยชาวบ้านสุดทนเนื่องจากเห็นว่าพฤติกรรมการตีของพ่อแม่ของเด็กกระทำเกินไป จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี คลองห้า ให้เข้าช่วยเหลือตรวจสอบ

เมื่อเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าเด็กคนดังกล่าวนั่งขายของอยู่ที่ตลาดดังกล่าว โดยพบว่าที่ตามลำตัวมีร่องรอยเขียวช้ำไปทั่วร่างกาย ส่วนบาดแผลที่ต้นขาขวา

เจ้าหน้าที่ได้พาไปทำแผลที่โรงพยาบาลคลองหลวง พร้อมทั้งเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อนำเด็กไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี และศูนย์ประชาบดี กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ เมื่อสอบถามเด็กแจ้งว่าถูกพ่อและแม่เลี้ยงตีด้วยสายไฟ,เบ็ดตกปลา และไม้กวาด

น.ส.ภัทรภร อุปริรัตน์ หัวหน้าศูนย์ประชาบดีฯ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการประสานจากชาวบ้านในพื้นที่คลองสาม ทราบว่าพบเด็กชายวัย 6 ขวบ ถูกทำร้ายจึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและทราบว่าเด็กถูกพ่อและแม่เลี้ยงตีจริง พร้อมทั้งได้พูดคุยกับผู้เป็นพ่อและแม่เลี้ยง

เบื้องต้น ทั้งพ่อและแม่เลี้ยงรับสารภาพว่าตีเด็กจริงด้วยความโมโห เนื่องจากอ้างว่าเด็กมีอาการสมาธิสั้น จะดื้อกว่าเด็กปกติ และเกิดความซุกซน จึงได้ลงมือกระทำรุนแรงไป

และเมื่อสอบถามทราบว่า พ่อและแม่เด็กแยกทางกันนานแล้ว ก่อนหน้านี้เด็กอยู่กับตาและยายที่ จ.นครพนม ทางด้านพ่อของเด็กก็ได้แยกครอบครัวออกมามีครอบครัวใหม่ และมีลูกด้วยกันกับภรรยาใหม่ 1 คน กระทั่งเมื่อปลายปี 2558 ได้เดินทางกลับไปที่บ้าน จ.นครพนม และไปพบว่าเด็กอยู่ลำพังกับตาและยาย

ส่วนแม่ของเด็กก็ไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนตาและยายมีฐานะยากจน แจ้งว่าไม่สามารถเลี้ยงดูได้ จึงได้นำลูกมาอยู่ด้วยที่ จ.ปทุมธานี และมาค้าขายผลไม้ที่ตลาดหัวถนนคลองสาม เมื่อเด็กซุกซนจึงเกิดความโมโหและตีบ้างเป็นบางครั้ง

น.ส.ภัทรภร กล่าวต่ออีกว่า แต่ชาวบ้านพบว่าเด็กได้รับบาดเจ็บตามร่างกายที่มีการกระทำรุนแรงเกินไป จึงได้แจ้งศูนย์ฯเพื่อให้ความช่วยเหลือก่อน โดยทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดีได้พาไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และนำตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลคลองหลวง

และจะได้ประสานพ่อและ แม่เลี้ยง มาพูดคุยเพื่อสอบถามข้อมูลความเป็นอยู่ที่ชัดเจนอย่างละเอียด พร้อมทั้งลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบทางด้านความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้ เนื่องจากทางด้านพ่อและแม่เลี้ยงแจ้งว่าพักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าภายในซอยคลองหลวง 1

จากนั้นจะได้ประสานเจ้าหน้าที่ทาง จ.นครพนม เพื่อประสานตาและยาย เพื่อขอตรวจสอบเอกสารใบแจ้งเกิดของเด็ก เนื่องจากพบว่าทางพ่อและ แม่เลี้ยงไม่มีเอกสารของเด็กเลย และเด็กก็ไม่ได้เรียนหนังสือ

อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลตรวจจากแพทย์เพื่อดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง จากนั้นจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ความคิดเห็นจากสมาชิกเฟซบุ๊ก

comments