จากกรณีที่เพจดัง WATCHDOG THAILAND ได้แชร์เรื่องราวและรูปภาพ ของสุนัขตัวหนึ่ง สีดำพันธุ์ไทย โดนมัดเชือกที่คอ ก่อนถูกโยนลงมาจากตึกสูง กลางตลาดศรีย่าน เขตดุสิต ซึ่งด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวในทันที พร้อมเชิญผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และ ช่างก่อสร้าง รวมทั้งหมด 8คน เพื่อเข้าให้ปากคำ โดยทางด้านหัวหน้าคนงานได้ยืนยันว่าไม่ได้ทารุณกรรมสัตว์ และถ้าหากไม่เชื่อตนก้พร้อมที่จะจุดธูปสาบาน

อ่านข้าวที่เกี่ยวข้อง : ช่างก่อสร้างจวก! คนรักหมา หยุดมโน เลิกด่าได้แล้ว ‘ผมไม่ฆ่าสุนัขตายแบบนี้’ (ชมคลิป)

ซึ่งเมื่อวานนี้ 12 ตุลาคม 60 นายกงใจ วงศ์ศรียา อายุ 52 ปี คนงานก่อสร้างชาว จังหวัดนครพนม ได้เปิดเผยว่า ตนเป็นคนทำเชือกคล้องคอหมา โดยใช้เชื่อกทำบ่วง และให้เพื่อนคนงานด้วยกัน คล้องคอสุนัขตัวดังกล่าว โดยก่อนเกิดเรื่อง บนตึกร้าง ล็อคที่ 3 บนดาดฟ้าชั้น 4 ตนพบสุนัขตรงนั้น เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.

จากนั้นตนและเพื่อนคนงานชาวกัมพูชา เห็นหมามีสภาพอ่อนแรง นอนอยู่ที่ระเบียง ซึ่งยื่นออกไปจากดาดฟ้าด้านหลัง เมื่อตนเห็นแล้วรู้สึกสงสาร จึงหาเชือกมาผูกทำเป็นบ่วง ต่อกับท่อพีวีซี เพื่อให้เพื่อนคล้องคอสุนัขขึ้นมา ขณะนั้นช่วงที่ดึงสุนัขขึ้นมาได้ ตนกำลังจะเข้าไปแกะเชือกที่คอ แต่สุนัขมีท่าทีดุร้าย กระโจนเข้ามาหาตนด้วยความตกใจ

ตนจึงกระโดดขึ้นบันไดเหล็กข้างกำแพง หลังจากนั้นสุนัขได้วิ่งไปด้านหน้าตึก และกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้า จึงคิดว่าสุนัขน่าจะกลัวคน จึงได้ตัดสินใจเดินลงไปชั้นล่าง เพื่อให้สุนัขยอมลงมาจากกำแพง

ทันทีที่ตนเดินถึงชั้น 1 ได้ยินชาวบ้านตะโกนว่ามีสุนัขตกตึก ตนยอมรับว่าตกใจมาก และคิดว่าน่าจะเป็นตัวที่ตนเพิ่งช่วย แต่ไม่กล้าเข้าไปดูเพราะรู้สึกสงสาร พร้อมยืนยันว่าไม่มีใครโยนสุนัขจากตึก เพราะตนก็เป็นคนรักหมา และหวังดีตั้งใจที่จะช่วย แต่กลับโดนด่าตกเป็นจำเลยของคนในสังคมว่า ‘ฆ่าหมาโยนตึก’

ส่วนเรื่องที่มีกระแสบอกว่า พวกตนกินเนื้อหมา ก็ขอยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง และเรื่องแมวที่ตกจากตึกลงไปใส่กระจกรถยนต์จนแตกก่อนหน้านี้ ตนไม่ทราบเรื่องนี้แต่อย่างใด ทางด้าน พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลสามเสน เผยว่า ได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องแล้ว 5 ราย และยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้เรื่องทารุณกรรมสัตว์ ต้องรอผลตรวจซากจากโรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อีกครั้ง



เรียบเรียงเนื้อหาโดย แอดมินเว็บไซต์ : Thairats.com

ข้อมูล ภาพ ข่าว : เพจเฟซบุ๊ก WATCHDOG THAILAND , amarintv

ความคิดเห็นจากสมาชิกเฟซบุ๊ก

comments