เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงการดำเนินคดีของนายเจนภพว่า ได้มอบหมายให้พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. ติดตามคดีนายเจนภพ ที่ขับ รถเบนซ์ชนรถฟอร์ด อย่างแรงจนไฟลุกคลอก 2 นักศึกษาปริญญาโท เสียชีวิต 2 ศพ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจและเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและให้พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภาค 1 กำชับเรื่องการดำเนินคดีและชี้แจงกับสังคมให้ชัดเจน ในส่วนของตำรวจที่ทำคดีในตอนแรกก็สั่งการให้ช่วยราชการที่ศปก.ภ.1 แล้ว 2 นาย

เมื่อถามว่ากระแสสังคมยังมีความคลางแคลงใจและตั้งข้อสังเกตการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับนายเจนภพ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องห่วง แต่ยอมรับว่าคดีนี้ตำรวจทำงานช้าไป จึงได้รับคำตำหนิมาว่าตำรวจทำงานช้า ไม่ทันเหตุการณ์

“ผมยอมรับว่าตำรวจบกพร่องในส่วนนี้ และน้อมรับไว้พิจารณา ขอโทษประชาชนด้วยที่เราทำงานล่าช้าไป แต่อย่างไรก็แล้วแต่เราให้ความเป็นธรรม หากพบหลักฐานใดที่ต้องดำเนินคดี ก็สั่งการให้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเจนภพ บางครั้งกระแสสังคมโซเชี่ยลก็พาไป แต่ยืนยันเราไม่ละเลย ไม่ทอดทิ้งผู้สูญเสีย และไม่ละเลยกับการดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่ ขอให้สังคมช่วยดูด้วย”ผบ.ตร.กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบอาการทางจิตของนายเจนภพนั้น หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ส่งซองยาที่พบในรถเบนซ์ไปตรวจสอบที่  ร.พ.สมเด็จเจ้าพระยา พบว่านายเจนภพมีอาการซึมศร้าทางจิตและอารมณ์ นอนไม่หลับมานาน และอยู่ระหว่างการรักษาตัว โดยพนักงานสอบสวนในคดีนี้ได้รายละเอียดของยาที่รักษาและอาการของนายเจนภพมาหลายประเด็น แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

รายงานข่าวเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานยังไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางที่นายเจนภพขับรถเบนซ์ผ่าน ตั้งแต่บนทางด่วนมาจนถึงจุดเกิดเหตุ ก่อนนำภาพวงจรปิดที่ได้ทั้งหมดส่งไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน โดยให้ผู้ชำนาญการคำนวนหาความเร็วรถจากภาพที่ได้ สามารถสรุปได้แล้วว่าขณะเกิดเหตุรถเบนซ์มีความเร็วมากถึง 250 ก.ม.ต่อช.ม.

ความคิดเห็นจากสมาชิกเฟซบุ๊ก

comments